เราจะรู้ได้ยังไงว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ที่ใช้อยู่หมดอายุการใช้งาน แบตเตอรี่เสื่อม หรือ เก็บไฟไม่อยู่ ลองมาดู เทคนิคการตรวจสอบแบตเตอรี่รถยนต์เบื้องต้นกันดูนะครับ
แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม
1.รถสตาร์ทติดยาก หรือ สตาร์ทไม่ติดเลย ( ส่วนมากจะเป็นตอนเช้า ) ถ้าเอาแบตเตอรี่ใหม่มาเปลี่ยนหรือพ่วงแบตจากรถคันอื่น แล้วสตาร์ทติดง่าย หรือ สตาร์ทติดทันที นั้นอาจสรุปได้ว่าแบตเตอรี่อาจเสียหรือ ไดชาร์จอาจชาร์จไฟไม่เต็มที่ก็ได้
2.ถ้า สตาร์ทรถตอนเช้าติดแล้ว ( อาจสตาร์ทยาก หรือพ่วงแบตจากรถคันอื่นมาก็ตาม ) แล้วท่านยังสามารถขับรถได้ตลอดวัน บางครั้งอาจจอดรถบ้างแต่จอดไม่นานเท่าไรแล้วก็ยังพอสตาร์ทรถได้ แต่ถ้ายิ่งจอดนานก็จะรู้สึกว่ายิ่งสตาร์ทรถยากเท่านั้น
3.สตาร์ทรถยาก หรือ สตาร์ทไม่ติดเลย เกิดขึ้นอีกในวันต่อๆไป ถ้าเป็นลักษณะอาการแบบนี้ สรุปได้เลยว่าแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่แล้ว ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
มอเตอร์สตาร์ท(ไดสตาร์ท)มีปัญหาหรือเสีย
1.รถสตาร์ทไม่ติด อาจเป็นเวลาใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเช้า อาการเสียแบบนี้ วิเคราะห์คร่าวๆสองอย่าง คือระบบไดสตาร์ทอาจมีปัญหา หรือ แบตเตอรี่อาจจะมีกระแสไฟฟ้าไม่พอสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ วีธีแก้ปัญหาเบื้องต้น คือลองเปลี่ยนแบตที่มีกระแสไฟฟ้าเต็มๆมาลองสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง หรือพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นก็ได้ ถ้าลองพ่วงแบตเตอรี่ดูแล้วสตาร์ทติดง่าย ได้ปกติ ก็คิดว่าน่าจะเป็นที่แบตเตอรี่เริ่มเก็บไฟไม่อยู่แล้วมากกว่า , หรืออาจใช้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ขณะดับเครื่องยนต์ นานเกินไป จนกระทั่งกระแสในแบตเตอรี่ไม่พอสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
2.ถ้าลอง พ่วงแบตเตอรี่แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่เครื่องยนต์ไม่ติด วิเคราะห์คราวๆได้ว่าระบบมอเตอร์สตาร์ทอาจมีปัญหา สาเหตุอาจเกิดจาก , ฟิวส์ มอเตอร์สตาร์ทขาด , สายไฟที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ทขาดหรือหลุดออกจากจุดต่อต่างๆ ,ตัวมอเตอร์สตาร์ทเองมีปัญหา เช่น แปรงถ่านที่อยู่ในมอเตอร์สตาร์ทกำลังจะหมด หรือหมดแล้ว ควรเข้าศูนย์ตรวจเช็ครถยนต์ยี่ห้อนั้นๆดีกว่า
ไดชาร์จ ( GENERATOR ) มีปัญหา
1. ถ้าแบตเตอรี่ไม่เสียเป็นปกติอาจจะเพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรี่มา ช่วงเปลี่ยนแบตเตอรี่มาใหม่ๆสตาร์ทรถติดง่ายมาก สตาร์ทครั้งเดียวเครื่องยนต์ก็ติดแล้ว แต่ใช้อยู่ไปได้สักพักปรากฏว่าเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ยาก หรือขับๆรถอยู่เครื่องยนต์ก็ดับไปเอง อาการเสียลักษณะนี้วิเคราะห์คร่าวๆได้ว่าอาจจะเป็นสาเหตุมาจาก ไดชาร์จหรือชุดจ่ายไฟในระบบรถยนต์มีปัญหา อาการระบบไดชาร์จเสีย สังเกตจากหน้าปัดในรถจะมีรูปแบตเตอรี่โชว์เป็นสีแดง ควรเข้าศูนย์ตรวจเช็ครถยนต์ยี่ห้อนั้นๆดีกว่า
การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่สุด
ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้
1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า
2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด
3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์
4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน
5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น
6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี
7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป (เติมสูงไป เป็นสาเหตุหลักทำให้ขี้เกลือขึ้นเร็ว แบตเตอรี่สกปรกเร็ว)
เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ
หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้
1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก
2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง
3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง
4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ
เมื่อมีสัญญาณเตือนดังนี้ ก็เข้าร้านที่ไว้ใจได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลยครับ
บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม แบตเตอรี่ก็ควรถูกปรับเปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ในยานพาหนะ ควรปฏิบัติดังนี้
1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม
2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ เป็นช่วงๆ (อาจใช้ปากกาเมจิกเขียนที่ตัวแบตเลย)
3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว
4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยางระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับเพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้
5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไปเพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้
6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน
7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย
เครื่องจั๊มสตาร์ท
คุณภาพ มาตราฐาน USA
เพิ่มเราเป็นเพื่อน
add line ติดตามข่าวสาร
โปรโมชั่นส่วนลดสินค้า !